การแสดงความคิดเห็นเรื่องของนางสาว เอ
โดยส่วนตัวแล้ว มีความรู้สึกว่า ไม่เห็นด้วย กับการใช้เทคโนโลยีตัดสินการกระทำ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะมีประโยชน์ในด้านการถ่ายทอดข่าวสารต่าง ๆ ให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ แต่การนำเทคโนโลมาใช้บางครั้งก็ไม่สามารถทำให้เราทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากข่าวสารนั้นได้อย่างแน่นอน ยิ่งการโพสต์ข้อความที่เกิดจากการเห็นภาพนิ่งแล้วโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบในหลาย ๆ ด้านเช่นเดียวกับกรณีของนางสาวเอ ซึ่งได้มีการโพสต์ถึงการกระทำของนางสาวเอ ในเรื่องของการขับรถชนกับรถตู้โดยสารเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และในรูปภาพประกอบนั้น เป็นรูปที่ น.ส.เอยืนใช้โทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ ซากรถที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตามหลักความเป็นจริงแล้ว เพียงรูปภาพเพียง 1 ภาพนั้นไม่สามารถตัดสินได้ว่าบุคคลในภาพกำลังทำอะไรอยู่ หรือรู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเราไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น และถ้าลองย้อนกลับไปว่า ถ้าสมมติว่าเราไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับน.ส. เอ หรือไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น รูปถ่ายนั้นเป็นเพียงถาพ 1 ภาพที่มีคนนำมาขึ้นกระทู้ เราก็จะไม่สามารถเดาได้เลยว่า ในรูปนั้นเกิดเหตุการณอะไรบ้างนอกเหนือจากรถชนกัน ซึ่งนี่ก็เป็นผลที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเผยแพร่ข่าวสารซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่เป็นข่าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลกระทบไปยังครอบครัวของบุคคลที่เป็นข่าวด้วย
ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเผยแพร่ข่าวสารหรือการรับฟังข่าวสารที่มาจากเทคโนโลยีต่าง ๆ ผู้รับสารควรจะมีวิจารณญาณในการรับฟังข่าวสาร คิดให้รอบคอบถึงผลกระทบที่ตามมาภายหลังทั้งกับตนเองและกับผู้อื่นด้วย
โดยส่วนตัวแล้ว มีความรู้สึกว่า ไม่เห็นด้วย กับการใช้เทคโนโลยีตัดสินการกระทำ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะมีประโยชน์ในด้านการถ่ายทอดข่าวสารต่าง ๆ ให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ แต่การนำเทคโนโลมาใช้บางครั้งก็ไม่สามารถทำให้เราทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากข่าวสารนั้นได้อย่างแน่นอน ยิ่งการโพสต์ข้อความที่เกิดจากการเห็นภาพนิ่งแล้วโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบในหลาย ๆ ด้านเช่นเดียวกับกรณีของนางสาวเอ ซึ่งได้มีการโพสต์ถึงการกระทำของนางสาวเอ ในเรื่องของการขับรถชนกับรถตู้โดยสารเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และในรูปภาพประกอบนั้น เป็นรูปที่ น.ส.เอยืนใช้โทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ ซากรถที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตามหลักความเป็นจริงแล้ว เพียงรูปภาพเพียง 1 ภาพนั้นไม่สามารถตัดสินได้ว่าบุคคลในภาพกำลังทำอะไรอยู่ หรือรู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเราไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น และถ้าลองย้อนกลับไปว่า ถ้าสมมติว่าเราไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับน.ส. เอ หรือไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น รูปถ่ายนั้นเป็นเพียงถาพ 1 ภาพที่มีคนนำมาขึ้นกระทู้ เราก็จะไม่สามารถเดาได้เลยว่า ในรูปนั้นเกิดเหตุการณอะไรบ้างนอกเหนือจากรถชนกัน ซึ่งนี่ก็เป็นผลที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเผยแพร่ข่าวสารซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่เป็นข่าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลกระทบไปยังครอบครัวของบุคคลที่เป็นข่าวด้วย
ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเผยแพร่ข่าวสารหรือการรับฟังข่าวสารที่มาจากเทคโนโลยีต่าง ๆ ผู้รับสารควรจะมีวิจารณญาณในการรับฟังข่าวสาร คิดให้รอบคอบถึงผลกระทบที่ตามมาภายหลังทั้งกับตนเองและกับผู้อื่นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น